วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ถ้ำใหญ่น้ำหนาว

มหัศจรรย์...ถ้ำใหญ่น้ำหนาว ...ที่เราดั้นด้นไป
๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
                เช้าวันที่ ๒ ของการเดินทาง เราพักที่อุทยานแห่งช่าติน้ำหนาว ตื่นเช้ามาด้วยความงัวเงีย เนื่องจากว่าตื่นกันตั้งแต่ ตี ๔ เพื่อที่จะไปดูตะวันขึ้นที่ภูค้อ ห่างออกไปเพียง ๔ กม. จากอุทยาน หรือจะเดินไปก็ได้ ใช้เวลาลัดเลาะป่าประมาณ ๒ ชั่วโมง ในระยะทาง ๓.๕ กม.
                หลังจากกลับมาจากดูตะวัน (รออ่านเรื่องซึ่งยังไม่ได้เขียนครับ) เราก็มาจัดการเรื่องอาหารเช้ากัน วันนี้เรามีอาหารเหลือจากเมื่อเย็นวาน หมูป่าผัดเผ้ด ผัดไก่บ้าน ต้มยำไก่บ้าน เราซื้อไข่มา ๑ แผง คงไม่ต้องงงนะครับ แผงหนึ่งก็มี ๓๐ ฟอง แปลกจัง ทำไมไม่ขายไข่ไก่เป็นโหล ก็เลยมีเมนู ไข่เจียว ไข่ดาว และข้าวต้มกุ้ย ซึ่งเราเตรียม กุนเชียง ผักกาดดองมาเรียบร้อย
                แผนการท่องเที่ยววันนี้ เราค่อนข้างสับสนกับนักท่องเที่ยวมือใหม่ เพราะไปขอใบนำทางมาจาก ททท. แนะนำว่าให้ไปที่ภูทับเบิก ซึ่งหมายความว่าต้องขับรถลงไปจากน้ำหนาว แล้วกลับขึ้นมานอนอีกคืนหนึ่ง เพราะเรานอนกัน ๒ คืน ทำให้รู้สึกว่า สิ้นเปลืองทรัพยากรทั้งเวลา น้ำมัน และคนขับคงจะเบื่อ เราก็เลยดัดแปลงใหม่ เอาแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ได้ไปเมื่อวาน มาจัดลำดับในวันนี้
                ความจริงการท่องเที่ยววันทริปนี้ ไม่อยู่ในแผนการเดินทางของผม แต่พ่วงมาด้วยเนื่องจากได้รับคำเชิญ แกมบังคับ เป็นครั้งแรกที่ไปกับ “ข้าราชการ” ล้วน ๆ เต็มคันรถ ๑๖ ชีวิต นับรวมลูกเด็กเล็กแดงอีก ๒ พระหน่อ รถตู้มีกี่ที่นั่งก็เต็มหมด
                วันนี้เราเดินทางไปเที่ยวภูกุ่มข้าว สวนสวน ในใบเบิกทาง แนะนำว่า “เป็นที่นิยมมาก” ยังจะไม่ขอกล่าวถึง ตอนนี้ เพราะจะเล่าถึงการเดินทางช่วงบ่าย ที่เราไป “ถ้ำใหญ่น้ำหนาว” ระยะทางค่อนข้างไกลจากที่พักเรามา จากอุทยานน้ำหนาว ซึ่งอยู่กม. ที่ ๕๐ บนถนนสาย ๑๒ ไปทางชุมแพ แล้วเราก็เลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอน้ำหนาว ที่กม. ๗๓ แต่ว่าต้องไปอีก ๖๐ กม. ระหว่างนั้น ก็บ่ายโมงกว่าแล้ว เราต้องเติมพลังงานตอนเที่ยงกัน ไปเจอร้านอาหารที่ไม่ขายแล้ว แต่เราบังคับให้ขาย ไม่งั้นเราก็จะหมดแรงกันทั้งคันรถ มีลูกค้าอยู่กลุ่มหนึ่งนั่งทานก่อนเรา เราจึงสั่งอาหารเท่าที่มี สั่งอะไรก็ได้ ถ้ามีจะทำให้ เช่น ไข่เจียวหมูสับ ผัดกระเพราหมู ผัดผักรวม เป็นต้น กินกันแค่นี้ก็พอ กินกันตาย
                เรายังลังเลว่าจะไปถ้ำดีหรือไม่ ถามคนแถวนั้นว่า สมควรไป เอ้า ไปก็ไป เพราะมีน้ำตกอยู่แถวนั้นด้วย เราจึงตัดสินใจไปกัน แต่ยิ่งไป ก็ยิ่งไกล ทางก็ซ่อมสร้างไปตลอด ทำให้รถวิ่งด้วยความช้ามาก ๆ แต่เราก็ดั้นด้นไปถึงถ้ำจนได้ และ ขอเชิญชมถ้ำใหญ่น้ำหนาว กันได้แล้วครับ




วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

คำขวัญวันแม่ปีนี้

คำขวัญวันแม่ปีนี้

รักเรียน รู้งาน 
ถนอมบ้านเมืองไทย 
ร่วมใจสามัคคี คือลูกที่ดีของแม่








รักแม่น๊ะคราฟฟฟฟฟฟฟฟฟ


ของขวัญจากลูก

มะลิหอมน้อมวางข้างข้างตัก
กรุ่นกลิ่น "รัก" บริสุทธิ์ผุดผ่องใส
แทนทุกคำทุกถ้อยร้อยจากใจ
เป็นมาลัย "กราบแม่" พร้อมน้อมบูชา
กี่พระคุณจากใครอื่นนับหมื่นแสน
อาจทนแทนเปรยเปรียบเทียบคุณค่า
แต่พระคุณ"หนึ่งหยดน้ำนมมารดา"ทั้งสามภพจบหล้า...หาเทียมทัน
ลูกไม่อาจเอ่ยแสดงแถลงถ้อย
หรือเรียงร้อยพจนามาเสกสรรค์
เพื่อบรรยายพระคุณนี้ที่ "อนันต์"
จึงตั้งมั่น "กตัญญุตา" ตลอดไป
หนึ่งคำ "รัก" ลูกรักแม่ แม้ค่าน้อย
ต่างเพชรพลอย ตีราคาค่ามิได้
แต่แม่จ๋า... "รักที่หนึ่ง" ของหัวใจ
มิใช่ใคร "ลูก รัก แม่" แน่นิรันดร์



วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วันแม่นี้ ใครมี โครงการจะไปเที่ยวใหนก็แสดงความคิดมาได้เลยน๊ครับ

แม่...หญิงยอดคน
สัจจาภรณ์ ไวจรรยา poohkan(ผู้แต่ง กลอนวันแม่)
กรองวจีเรียงถ้อยร้อยความรัก
บรรจงถักคำหวานผ่านอักษร
แทน"มาลามะลิ"สวย...ด้วยบทกลอน
กราบ "มารดร" ด้วยรักมั่น "กตัญญุตา"
หากค้นหาความรักจากทุกภพ
หลอมบรรจบเป็นรักที่มากค่า
"รักของแม่" แม้ล้านคำพร่ำพรรณนา
มิอาจหาเปรยเปรียบเทียบทดแทน
ลูกกี่คน... "แม่" เลี้ยง-รัก...ไม่พัก-ผ่อน
ถึงเดือดร้อน...เหนื่อยยากลำบากแสน
ให้ลูกอิ่ม...แม้อัตคัดจนขาดแคลน
จะแร้นแค้น...ซูบเพียงกาย...รักไม่จาง
ชีวิตลูกที่ดำเนินเดินถูกต้อง
เพราะแม่ประคับประคองไม่เหินห่าง
ยามลูกเดินหลงทิศ...ผิดเส้นทาง
แม่คือเทียนส่องสว่าง...กลางดวงใจ
แม่จ๋า...แม่พร่ำสอน...คือพรประเสริฐ
เป็น "พร" เลิศผ่องพิสุทธิ์ดุจแก้วใส
ด้วยไม่มีเคลือบแคลงแฝงเภทภัย
ลูกจดจำ...รำลึกไว้...ใช้เตือนตน
กรองวจีเรียงถ้อยร้อยความรัก
บรรจงถักเป็น"สร้อยคำ"...ที่งามล้น
สื่ออักษรกลอน "รัก" จากกมล
บูชา "แม่"..."หญิงยอดคน"...หนึ่งในใจ

12 สิงนี้อย่าลืมบอกรักแม่กันด้วยน๊ะ คราฟฟฟฟฟ


แม่ คือ รักแท้ของลูก 
แม่ คือ พระแท้ในบ้าน
แม่ คือ ผู้ให้
ผมรักแม่ครับ



วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ทีฮิตติดอันดับในประเทศไทย พาส 2 อันดับที่11-20 แต่ละที่จะสวยแล้วน่าเที่ยวขนาดใหนไปดูกันเลย

11. สามพันโบก


     สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี ประติมากรรมทางธรรมชาติสุดอลังการกลางลำน้ำโขง ที่ทางธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมาให้เราได้ชมความมหัศจรรย์นี้ ซึ่งเป็นแก่งหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขงในช่วงฤดูน้ำหลาก เกิดจากแรงน้ำวนกัดเซาะ กลายเป็นแอ่งมากกว่า 3,000 แอ่ง หรือ 3,000 โบก โดยจะปรากฏให้เห็นในช่วงฤดูแล้งที่น้ำแห้งขอดเท่านั้น ทำให้นักเดินทางต่างรอคอยเวลาที่จะไปพบปะกับความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา จนชาวบ้านเรียกว่าแกรนด์แคนยอนเมืองไทย และนอกจากความงามของแก่งหินขนาดใหญ่ในลำน้ำโขง วิถีชีวิตริมคลองสองฝั่งโขงก็งดงามไม่แพ้กัน

 12. หัวหิน


     หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศริมทะเลที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย และเป็นจุดหมายยอดนิยมอันดับต้น ๆ ในการท่องเที่ยวและพักผ่อนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนกรุงเทพฯ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและครบครัน อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวชมอยู่หลายแห่ง เช่น ชายหาดหัวหิน, สถานีรถไฟหัวหิน, เขาเต่า, เขาตะเกียบ, ฟาร์มแกะดำหัวหิน, ตลาดน้ำหัวหิน, ตลาดโต้รุ่ง, วัดห้วยมงคล, สวนน้ำหัวหิน Black Mountain Water Park, เดอะเวเนเซีย และ Cicada Market เป็นต้น จึงถือเป็นเมืองท่องเที่ยวเปี่ยมเสน่ห์ที่สมบูรณ์แบบอีกแห่งหนึ่งในปัจจุบัน

13. สวนผึ้ง

     
     ด้วยอากาศที่เย็นสบาย แวดล้อมไปด้วยขุนเขาเขียวขจี และมีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะ จึงทำให้ สวนผึ้ง ราชบุรี ยังคงครองใจเหล่าบรรดานักเดินทางเสมอ ๆ เมื่อมีเวลาว่างอยากไปพักผ่อนที่นี่จะอยู่ในลิสต์รายชื่ออันดับต้น ๆ ทั้งคู่แต่งงานที่ไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง คู่รักควงกันไปสวีทหวานเที่ยวชมบ้านหอมเทียน ครอบครัวพาเด็ก ๆ ไปถ่ายรูปกับแกะในฟาร์มหรือไปเที่ยวตลาดน้ำสวนผึ้ง เวเนโต้ หรือแก๊งเพื่อน ๆ นัดกันไปตะลุยยอดเขากระโจม เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและสายหมอกกลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ เป็นต้น นอกจากนี้ สวนผึ้งยังเป็นแหล่งรวมของบูติกรีสอร์ทหลากรูปแบบ ตกแต่งเก๋ ๆ สามารถเลือกพักตามความชอบได้เลย เอาเป็นว่าใครอยากสูดอากาศบริสุทธิ์ เคล้าสายลมเย็น ๆ ไม่ควรพลาดจ้า

14. เกาะสมุย


    ที่เกาะสมุยมันมีอะไร ที่ทำให้คุณนั้นต้องอยากไป ที่ทำให้คุณนั้นต้องติดใจมาชวนผม…บทเพลง เกาะสมุย ของ DEEP O SEA คงอยู่ในความคิดของคนที่ร่างกายต้องการทะเล หาดทราย สายลม และแสงแดด ซึ่งทะเลที่อยากไป ก็คือ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพราะเกาะแห่งนี้มีสีสันของความสนุก ความครึกครื้นของเสียงคลื่นและสายลมอยู่ทั่วไป รวมถึงมีหาดทรายสวยทรายขาวหลายแห่ง เช่น หาดเฉวง หาดนาเทียน หาดตลิ่งงาม และหาดละไม อีกทั้งความสวยงามทางธรรมชาติ ความสะดวกสบายของเกาะสมุยยังผสมผสานด้วยศิลปวัฒนธรรมของชาวพื้นถิ่น ที่ยังคงเป็นรากฐานของความเป็นมาของชุมชนอีกหลายแห่งบนเกาะ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยไปสมุยมาแล้วต้องหวนกลับไปอีกครั้งแล้วครั้งเล่า อ๊ะ ๆ อาหารทะเลสด ๆ ก็เป็นอีกเสน่ห์ที่ชวนให้นึกถึงเหมือนกัน

 15. เกาะเสม็ด


ในปี 2556 ชื่อของ เกาะเสม็ด คงกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังเกิดเหตุการณ์ท่อน้ำมันดิบกลางทะเลรั่วไหล ส่งผลให้น้ำมันดิบจำนวน 50,000 ลิตร ไหลลงสู่ทะเลระยอง จากนั้นกระแสคลื่นลมแรงได้ทำให้คราบน้ำมันทะลักเข้ามายังชายฝั่งอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด แต่ทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง ชาวบ้าน และอาสาสมัครต่างก็ช่วยกันฟื้นฟูจนทำให้อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด กลับมาน่าเที่ยวเหมือนเมื่อวันวาน น้ำทะเลยังคงใสสะอาดและน่าเล่นเช่นเคย สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น คือ ชายหาดต่าง ๆ เช่น หาดทรายแก้ว อ่าวน้อยหน่า อ่าวลูกโยน อ่าวไผ่ อ่าวพุทรา อ่าวทับทิม อ่าวลุงดำ อ่าวช่อ ฯลฯ นอกจากนี้ เกาะเสม็ดยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก มีที่พักหลากหลายรูปแบบจำนวนมาก ราคาไม่แพง จึงถือเป็นเกาะเปี่ยมเสน่ห์และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบอีกแห่งหนึ่งในปัจจุบัน

16. ภูกระดึง


     สักครั้งในชีวิตต้องพิชิต ภูกระดึง จังหวัดเลย เราเชื่อว่านี้คือหนึ่งในกิจกรรมเดินเขาประมาณ 5 กิโลเมตร ของใครหลาย ๆ คน เพราะเสมือนการพิสูจน์และท้าทายความสามารถของตัวเอง (เส้นทางขึ้นภูกระดึง ทางขึ้นค่อนข้างชัน แต่จะมีจุดแวะพักที่ “ซำ” หมายถึง บริเวณที่มีแหล่งน้ำใต้ดินผุดขึ้นมา แต่ละจุดมีเครื่องดื่มและอาหารบริการ) สถานที่แห่งนี้นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย เพราะมีสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ประกอบด้วยระบบนิเวศและภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดิบ น้ำตก และหน้าผาชมทิวทัศน์ แถมเมื่อได้ไปถึงบนยอดภูกระดึงแล้ว ยังจะได้สัมผัสกับความธรรมชาติ เช่น ผาหล่มสัก ลานหินกว้างและมีสนต้นใหญ่อยู่ใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา เป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกได้ชัดเจนที่สุด, ผานกแอ่น จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น สามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งเป็นท้องทุ่งและเทือกเขา และชมต้นเมเปิลที่ต่างพากันผลัดใบในป่าปิด เปลี่ยนเฉดสีจากเขียวกลายเป็นสีแดงท่ามกลางลมหนาว สวยงามน่าประทับใจ

17. เชียงราย
    

      เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง…นี่คือคำขวัญของ จังหวัดเชียงราย ดินแดนแห่งขุนเขาและเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน จังหวัดนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้บนดอยสูงที่สลับซับซ้อน เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำและน้ำตกอันงดงามหลายแห่ง อีกทั้งเชียงรายยังมีประชากรหลายเชื้อชาติ ทั้งชาวไทยพื้นราบ ชาวไทยภูเขา และชาวจีนฮ่อที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่บนดอยสูง แต่ละชนชาติจะมีประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์ เป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ทำให้เชียงรายได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายรูปแบบ เช่น วัดพระธาตุดอยจอมทอง, วัดพระสิงห์, วัดพระแก้ว, วัดร่องขุ่น, เมืองโบราณเชียงแสน, ภูชี้ฟ้า, ผาตั้ง ดอยแม่สลอง, ดอยตุง, ไร่บุญรอด และสามเหลี่ยมทองคำ ฯลฯ

18. น่าน


     เพราะผู้คนอยากหลีกหนีจากความวุ่นวายไปแสวงหาความเงียบสงบ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่ “น่าน” ดินแดนในอ้อมกอดของขุนเขาด้านตะวันออกของภาคเหนือจะกลายเป็นจังหวัดในใจใครหลาย ๆ คน นอกจากนี้ น่านยังอุดมไปด้วยธรรมชาติผืนป่า สายน้ำ ทะเลหมอก หล่อหลอมรวมกับวิถีวัฒนธรรมของผู้คนชาวไทยลื้อ ทำให้เสน่ห์ของน่านไม่ได้มีเพียงธรรมชาติอันพิสุทธิ์ แต่ยังมีศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ที่แฝงด้วยแรงศรัทธาในพุทธศาสนา และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปเยี่ยมชมหลายรูปแบบ ทั้งวัดวาอาราม โบราณสถาน แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น วัดพระธาตุแช่แห้ง, วัดพระธาตุช้างค้ำ, วัดภูมินทร์, อำเภอบ่อเกลือ, อุทยานแห่งชาติศรีน่าน, อุทยานแห่งชาติขุนสถาน และอุทยานแห่งชาติภูคา เป็นต้น ใครที่ชอบวิถีเรียบง่ายไม่ควรพลาดเลย

19. กาญจนบุรี 


    กาญจนบุรี คือ ดินแดนแห่งธรรมชาติ อันอุดมสมบูรณ์ด้วยผืนป่า พรรณไม้ โถงถ้ำ น้ำตก และประเพณีวัฒนธรรมอันหลากหลายของผู้คนหลากเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออารี ทั้งไทย พม่า มอญ ปกากะญอ (กะเหรี่ยง) ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้น กาญจนบุรียังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเหตุการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีอนุสรณ์สถานหลายแห่งปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐาน เช่น สะพานข้ามแม่น้ำแคว, สุสานทหารสัมพันธมิตร และพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ฯลฯ ด้วยความหลากหลายของพื้นที่และเรื่องราวที่สั่งสมอยู่ในจังหวัดชายแดนตะวันตกแห่งนี้ กาญจนบุรีจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกสไตล์ ทุกวัย และทุกฤดูกาล

20. พัทยา


      ปิดท้ายกันที่ พัทยา จังหวัดชลบุรี เมืองที่มีสีสันตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังมีชื่อเสียงโด่งดังกลายเป็นชายหาดตากอากาศยอดนิยมอันดับหนึ่งของภูมิภาค และเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่ผู้คนนับล้านจากทั่วทุกทวีปต้องการมาสัมผัส รวมทั้งยังเป็นจุดหมายยอดนิยมอันดับต้น ๆ สำหรับการท่องเที่ยวและพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนกรุงเทพฯ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะนอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลากหลายรูปแบบ มีกิจกรรมท่องเที่ยวนานาชนิดให้เลือกทำ มีที่พัก รีสอร์ท และโรงแรมชั้นนำมากมาย การคมนาคมสะดวกสบาย ทั้งยังสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี จึงถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด เช่น หาดพัทยา, หาดนาจอมเทียน, เกาะล้าน, ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา, วัดเขาชีจรรย์, สวนนงนุช, พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาหมี, มิโมซ่า พัทยา และ Art in Paradise พัทยา ฯลฯ
  
และนี่คือ สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2557 ที่เรายกตัวอย่างมาฝากกัน จริง ๆ แล้วประเทศไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามอีกหลายแห่ง แต่ละที่ก็มีเสน่ห์แตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหน สไตล์ใด เอาเป็นว่าลองหาโอกาสออกไปเปิดโลกกว้างเที่ยวเมืองไทยกันดูนะจ๊ะ แล้วเมืองไทยจะทำให้คุณตกหลุมรักได้ทุกวัน อ๊ะ ๆ แล้วเพื่อน ๆ ล่ะมีสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2557 ในใจกันบ้างหรือเปล่า ???